สวัสดีครับเพื่อนๆผู้รักการเรียนรู้และการเดินทางของชีวิต
ผมได้ลงบทความที่เขียนไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันสำหรับผู้ที่สนใจ
ในเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวเนื่องอยู่กับชีวิต ธรรมชาติ และมุมมองของนิเวศวิทยาแนวลึก
อ่านแล้วคิดเห็นเป็นอย่างไร เขียนมาพูดคุยกันบ้างนะครับ
ณัฐฬส วังวิญญู
สถาบันขวัญเมือง
เชียงราย
nutt2000@loxinfo.co.th
2 comments:
เมื่อได้รับรู้ถึงกระบวนการศึกษารูปแบบใหม่นี้ แรกๆจะรู้สึกว่า คนเราก็มีการเรียนรู้อยู่แล้ว ฉะนั้นการศึกษาด้านทฤษฎีย่อมมีความสำคัญกว่า เพราะการที่เรียนอยู่ในโรงเรียน ถือว่าได้ศึกษากับสังคม โดยตรง และมีหลากหลายให้เลือกเรียนรู้ แต่มาขณะนี้ กลับมานั่งทบทวน ก็เร่งเห็นว่า ก็ไม่จำเป็นว่า รูปแบบการเรียนรู้จะต้องอยู่แต่ในโรงเรียนอย่างเดียว แต่ที่มีความคิดขัดข้องด้วยห่วงใยว่า เมื่อเด็กพวกนี่ ต้องมีเหตุให้กลับมาใช้ชีวิตกับสังคมคนหมู่มาก จะปรับตัวลำบาก(มั่ง)
จริงๆแล้ว คำถามเกี่ยวกับการเข้าสังคมได้ของเด็กโฮมสกูลเป็นคำถามสุดฮิตที่สุด จากประสบการณ์ของผมนั้น การเข้าสังคมได้อาศัยสองปัจจัยภายใน คือความเคารพ ความเปิดใจกว้าง ความสนใจเรียนรู้คนอื่น สองทักษะในการเข้าหา เช่น การใช้ภาษา กริยามารยาทที่สังคมยอมรับ ซึ่งอย่างหลังนี้ฝึกกันได้ แต่อย่างแรกนั้น เป็นเรื่องการบ่มเพาะคุณลักษณะภายในตัวเด็ก ผมกลับพบว่า ในหมู่เด็กที่เข้าเรียนโรงเรียนที่ต้องเผชิญการเข้าสังคมที่เต็มไปด้วยการเปรียบเทียบ แข่งขัน ความอิจฉาริษยา ความต้องการเอาชนะ เหนือกว่า เด่นกว่า เด็กหลายคนเครียดและไม่อยากเข้าสังคม บ้างก็ปลีกตัวอยู่แต่บ้าน แต่เด็กโฮมสกูลกลับเป็นพวกที่เข้าหาผู้คนได้เก่งเพราะความสนใจใคร่รู้แบบตรงไปตรงมา เขาอาจไม่เคยโดนล้อ หรือทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างที่เด็กในระบบโรงเรียนโดน ไม่อย่างใดก็ต้องอย่างหนึ่ง สังคมโรงเรียนมักหาปมด้อยให้คุณเสมอ จริงหรือไม่ เช่น ตาตี่เกิน ผิวดำหรือซึดเกิน ตัวเตี้ย ล่ำ สั้น หรือ หัวเถิก เรียนช้า หัวช้า และอื่นๆอีกนับล้านอย่างชนิด ที่ช่วยจัดแจงจำแนกให้เราเป็น ทั้งๆที่เราไม่อยากเป็น
นี่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมโรงเรียนที่เด็กของเราต้องเผชิญจริงหรือไม่ แน่นอน มันมีด้านบวกอื่นๆด้วย เช่นกัน
เหล่านี้เราอาจบอกว่าเป็นความจริงที่ต้องยอมรับ วัฒนธรรมอย่างนี้ก็เข้มข้นเฉพาะในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเท่านั้น พอทำงานก็พบเห็นน้อยลงไป
ประเด็นจึงมีอีกว่า แล้วทำไม เราจึงยอมให้เด็กของเราต้องไปแบบภาระรับการมองของสังคมที่อาจนำไปสู่ความรู้สึกด้อย ขาดความเชื่อมั่นภายใน
ผมอยากบอกว่า การเข้าสังคมของเด็กโฮมสกูลนั้น ไม่มีปัญหาเลยครับ บนพื้นฐานที่เด็กไม่ได้อยู่แต่ในบ้านนะครับ คือโฮมสกูลคือการจัดการศึกษาเองโดยพ่อแม่หรือครอบครัว ซึ่งไม่จำเป็นต้องจำกัดพื้นที่ทางสังคมเพียงในบ้าน เพราะส่วนใหญ่ธรรมชาติของเด็ก พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องการออกไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆที่ไม่มีในบ้านด้วย เช่น ดนตรี ภาษา หรือทักษะอื่นๆ
Post a Comment