ผ่อนพักตระหนักรู้
คำอธิบาย ให้ผู้เข้าร่วมนอนราบกับพื้น ไม่ต้องใช้หมอนหนุนจะได้ผลดี สามารถอ่านอย่างช้าๆไปพร้อมๆกับบทเพลงบรรเลงที่เรียบง่ายและสงบ เช่น เสียงขลุ่ย หรือเพลงสำหรับการทำใจให้สงบ หรือดนตรีเชิงนิวเอจ
ขอให้เราค่อยๆหย่อนกายลงนอนราบกับพื้น ปล่อยให้ส่วนต่างๆของร่างกายผ่อนคลาย และทิ้งน้ำหนักลงอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเกร็ง ปล่อยให้โลกรองรับเอาตัวของเราไว้ แล้วค่อยๆหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆและอ่อนโยน หายใจเข้าออก รับรู้การดำรงอยู่ของลมหายใจ ดังสายธารน้อยของชีวิตที่ไหลเอื่อยเรื่อยมาจวบจนเวลานี่
การเดินทางของชีวิตดำเนินไปตามจังหวะธรรมชาติ ก้าวย่างแต่ละก้าวของเราล้วนมีความหมาย ลมหายใจเข้าออกแต่ละห้วงของเรา เรียงร้อยเรื่องราวต่างๆในชีวิต ดังการเดินทางของสายธาร ที่ไหลลงมาจากยอดเขาสูงใหญ่ เก็บเกี่ยวเรื่องราวต่างๆมากมายในการเดินทาง จนกลายมาเป็นแม่น้ำใหญ่ ที่พร้อมจะหลอมรวมกับทะเลกว้าง
ในการเดินทางของชีวิต ย่อมต้องมีช่วงเวลาของการผ่อนพัก การหยุดนิ่ง สงบรำงับ ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อตระหนักรู้ถึงการดำรงอยู่ของธรรมชาติดั้งเดิมภายใน และการคลี่คลายของเรื่องราวทั้งหลาย ผู้คนและสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องในข่ายใยของชีวิตนี้
การผ่อนพักที่แท้จริงมีค่ายิ่งสำหรับการเดินทางที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด การหยุดเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ การหยุดพักเป็นสะพานเชื่อมหรือรอยต่อที่สำคัญของการเดินทาง เพื่อว่าก้าวย่างในภายหน้า จะเป็นไปอย่างมั่งคงและสันติ เปี่ยมด้วยพลังแห่งการเรียนรู้และความรัก การผ่อนพักนี้เป็นทั้งการสำรวจเพื่อรับรู้ถึงความสง่างามของการมีชีวิตอยู่ และรับรู้ถึงความงดงามของการเป็นมนุษย์ และยังหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ของความตื่นรู้และความดีงามนี้ด้วยหยดน้ำแห่งความกรุณา
ตอนนี้ ขอให้เราค่อยๆหลับตาลงอย่างอ่อนโยน รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของลมหายใจเข้าออก ในแต่ละปัจจุบันขณะ
การดำเนินไปของปัจจุบันขณะเป็นความมหัศจรรย์ของชีวิต ขอให้เราบ่มเพาะความรู้สึกอิ่มเอม ความพอใจและเป็นสุขให้เกิดขึ้นพร้อมๆกับการรับรู้ปัจจุบันขณะในลมหายใจแต่ละห้วงนี้ เป็นสันติภาวะที่เราค้นพบในซอกหลืบเล็กๆของชีวิตนี้
ปัจจุบันขณะที่ดำรงอยู่ในลมหายเข้าออกนี้ เปรียบได้ดังรางวัลอันล้ำค่าของชีวิต เพราะเป็นโอกาสให้เราได้กลับมาสู่ธรรมชาติที่แท้จริงภายในของเราเอง เป็นโอกาสที่เราจะสร้างมิตรภาพและส่งผ่านความเอื้ออาทรให้กับตัวเราเอง ตัวเราที่มักถูกละเลยและถูกฉุดกระชากลากไปด้วยภาระกิจหน้าที่การงานอันยุ่งเหยิงในแต่ละวัน
ขอให้เรารับรู้การดำรงอยู่ของลมหายใจเข้าออก ที่ดำเนินไปอย่างเป็นเช่นนั้นเอง ดำเนินไปได้ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆอย่างเคลื่อนตัวและคลี่คลายในความลี้ลับของชีวิต
หายใจเข้าลึก…..หายใจออกยาว…..และผ่อนคลาย ลมหายใจของเราเปรียบได้กับสายน้ำที่ไหลเอื่อยอย่างไม่เคยแห้งเหือด ตราบเท่าที่เรายังคงมีชีวิตอยู่นี้ ชีวิตเราได้รับการหล่อเลี้ยงอยู่ด้วยลมหายใจแต่ละห้วง ลมหายใจแต่ละห้วงมีวามสดใหม่เสมอ เราไม่สามารถสูดลมหายใจเดิมเข้าไปได้
ลมหายใจแต่ละห้วงที่เดินทางผ่านร่างกายเรา ทั้งเข้าและออกนี้ เป็นลมหายใจเดียวกันกับลมหายใจของสรรพสิ่ง เราต่างแบ่งปันลมหายใจอันเดียวกันนี้ เป็นลมหายใจของต้นหญ้า ต้นไม้น้อยใหญ่ กอบัว ทุ่งหญ้ากว้าง ก้อนหิน เม็ดทราย ท้องฟ้า ก้อนเมฆ ท้องทะเลและสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ทั้งหลาย ล้วนแบ่งปันลมหายใจเดียวกันนี้อยู่
ขอให้เราได้ใช้โอกาสในแต่ละปัจจุบันขณะ อุทิศให้กับการรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของลมหายใจนี้อย่างเต็มเปี่ยม ราวกับว่าเราได้นั่งลงอยู่ริมลำธารสายเล็กๆสายหนึ่ง เพื่อพิจารณาความงามในความเคลื่อนไหวอย่างสงบเย็นและไม่ขาดสายของลำธารเล็กๆเส้นนี้ เรารับรู้อย่างสงบด้วยความชื่นชนอย่างยาวนาน ราวกับว่ากาลเวลาเป็นนิรันดร์ ไม่ต้องทำการวิเคราะห์ หรือวิพากษ์วิจารณ์ใด ปล่อยให้การรับรู้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา อย่างธรรมดา ธรรมดา รับรู้อย่างเฉยๆถึงสภาวะอันปกติของลมหายใจแต่ละห้วง
ลมหายใจแต่ละห้วงที่เรารับรู้ในแต่ละปัจจุบันขณะนี้ เชื่อมโยงชีวิตกับโลกเอาไว้อย่างแยกจากกันไม่ออก เป็นปฏิสัมพันธ์ที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตราบใดที่ร่างกายเรายังมีชีวิตอยู่ ร่างกายนี้มหัศจรรย์ ลมหายใจดำเนินไปได้ด้วยตัวเองอย่างไม่ขึ้นต่อความคิดอ่านใดๆของเรา อยู่เหนือการควบคุมของความคิด เราไม่ได้เป็นนายมีอำนาจเหนือลมหายใจหรือเหนือร่างกายนี้ ตรงกันข้าม ชีวิตเราขึ้นอยู่กับลมหายใจไม่มีสิทธิ์เลือก ลมหายใจนี้ศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นผู้ให้ชีวิตและให้พลังในการดำเนินชีวิตต่อไป
ร่างกายนี้ก็เช่นกัน ขอให้เรารับรู้ถึงการดำรงอยู่ของร่างกายนี้ด้วยความอ่อนโยนและเอื้ออาทร ร่างกายนี้เปรียบดังวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ให้เราได้ดำรงชีวิตอยู่ และเพื่อการเติบโตด้านจิตวิญญาณ ร่างกายทุกส่วนล้วนมีชีวิตและศักดิ์สิทธิ์ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และดำเนินไปตามท่วงทำนองของธรรมชาติ
ขอให้เรารับรู้การดำรงอยู่ของร่างกายนี้โดยเริ่มจากปลายเท้า รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นบริเวณปลายเท้า นิ้วเท้าแต่ละนิ้ว ค่อยๆไล่มาบริเวณฝ่าเท้า ส้นเท้า เท้าคู่นี้เอง เป็นเท้าที่เราเคยบรรจงก้าวย่างก้าวแรกของชีวิตอย่างกล้าหาญแม้จะทุลักทุเล เมื่อสมัยที่เราอายุในขวบแรกๆของชีวิต เป็นก้าวแรกที่พ่อแม่ของเราเรียนรู้ถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต เท้านี้เป็นเท้าที่ใช้ย่ำเดินมายาวนานตลอดระยะเวลาการเดินทางของชีวิตมาจวบจนทุกวันนี้ นับแสนล้านก้าวที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและการเรียนรู้
เวลาเรานำจิตใจของเราไปรับรู้เรื่องราวและความเป็นไปของร่างกายนี้ เป็นการกระทำที่คล้ายกับการตรวจร่างกายโดยเครื่องแสกนในโรงพยาบาล ผิดกันตรงที่เราใช้จิตใจไปสอดส่องดูแลและรักษาร่างกายของเราได้เองด้วย ร่างกายมีฐานะเป็นเพื่อนคู่หูของใจ แต่ก็มักถูกละเลยอยู่เสมอ เราอาจคิดไปว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตมีอำนาจควบคุมร่างกายและนำพาร่างกายนี้ไปยังที่ต่างๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ จิตและกายเป็นดั่งคู่ขวัญที่ครองชีวิตร่วมกันมาอย่างพึ่งพาอาศัยและเท่าเทียม
ขอให้เราประคองการรับรู้ถึงปัจจุบันสภาวะของร่างกายต่อไป พร้อมๆกับส่งความปรารถนาดีให้กับร่างกายนี้ในฐานะที่เป็นผู้ให้
ขอให้เรารับรู้ความรู้สึกที่ข้อเท้า พิจารณาดูว่ามีความรู้สึกตึงเครียด หรืออาการติดขัดอย่างไร มีพลังชีวิตไหลผ่านได้ดีไหม?
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้ว่ายังบริเวณน่อง หัวเข่า ต้นขา รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย พร้อมกับส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ ผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณสะโพกและเอว เป็นบริเวณที่เราใช้นั่ง รับน้ำหนักของร่างกายส่วนบน รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจ เข้าลึก ออกยาวและผ่อนคลาย พร้อมกับส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ ผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณหน้าท้อง ที่เคลื่อนไหวขึ้นและลง พองและยุบตามลมหายใจ รับรู้ความเป็นไปของอวัยวะภายในต่างๆ รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจ เข้าลึก ออกยาวและผ่อนคลาย พร้อมกับส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเราให้กับบริเวณนี้ ผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณหน้าอกและปอด ที่ทำหน้าที่ขัดฟอกอากาศและแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างเราและโลก รับรู้ความรู้สึกและอาการเคลื่อนไหวพองยุบตามลมหายใจ รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย ส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ และผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณหัวใจ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ที่กระบวนการเรียนรู้และการซึมซับอารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายเกิดขึ้น หัวใจทำหน้าที่มากกว่าเป็นเพียงเครื่องสูบฉีดเลือด เพราะเป็นพื้นที่แห่งปัญญาอารมณ์ จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เราได้ยิน ตอนที่เราอยู่ในครรภ์ของแม่ หายใจ รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย ส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ และผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณแผ่นหลังด้านบน บริเวณสะบัก…และบ่า รับรู้ความรู้สึก ทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ ความรู้สึกตึงเครียด หรืออาการติดขัดของกล้ามเนื้อ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย ส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ และผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณลำคอ หลอดลมและกล่องเสียง ที่ที่เราส่งเสียงร้องเสียงแรกของชีวิต และสื่อสารความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายออกมาเป็นคำพูด รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย ส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ และผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณใบหน้า สำรวจอาการตึงเครียดตามริมฝีปาก กราม ตา บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก ใบหู รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย ส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ และผ่อนคลาย…
แล้วค่อยๆประคองการรับรู้มายังบริเวณศีรษะด้านบน ที่ที่สมองของเรารับรู้และประมวลข้อมูลที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตลอดเวลา รับรู้ความรู้สึกทั้งหลายที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ พร้อมกับตามลมหายใจเข้าออก เข้าลึกๆ ออกยาวๆ และผ่อนคลาย ส่งความปรารถนาดีและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเราให้กับร่างกายบริเวณนี้ และผ่อนคลาย…
การเดินทางของชีวิตนั้นยาวนานนัก ชีวิตเรามีมาแต่ก่อนที่เราจะเข้ามาจุติในท่องแม่เสียอีก นานมาแล้ว เราเคยดำรงอยู่อย่างเรียบง่ายอย่างชนเผ่า ที่สะสมน้อย แก่งแย่งแข่งขันน้อย เบียดเบียนคนอื่นและโลกน้อย เราเคยดำรงอาศัยอย่างเป็นชุมขนและครอบครัวใหญ่ เรื่องเล่าถึงตำนานบรรพบุรุษและกำเนิดโลกที่ผู้เฒ่าผู้แก่มักเล่านั้นยังคงแว่วอยู่หู พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของเด็กๆ เรามีทุ่งกว้างใหญ่ไพศาลที่เหมือนลานใหญ่หน้าบ้าน ที่เราตื่นขึ้นมามองทุกเช้าตรู่อย่างคุ้นตา มีผืนฟ้าและดวงดาวเป็นผ้าห่มผืนใหญ่ มีผืนดินและหญ้านุ่มเป็นเตียง กลิ่นควันไฟโชยผ่านมากับสายลมเป็นช่วงๆ แล้วเราก็ผลอยหลับไปอีกครั้งหนึ่ง…
เมื่อย้อนเวลากลับไปอีกหน่อย ตอนนั้น เราคือสัตว์เซลเดียวที่เรียกว่า แบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรกของโลก เรามีครอบครัวแบคทีเรียใหญ่มาก ญาติพี่น้องเรากระจัดกระจายอยู่ในทุกหนทุกแห่ง เราเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของธรณีและสิ่งมีชีวิตยุคหลังๆ เราคือบรรพบุรุษของมนุษยชาติ กำเนิดในท้องทะเล เพราะแม้ทุกวันนี้ น้ำตาและหยาดเหงื่อของเรายังคงมีความเค็มของทะเล
เราเคยเป็นก้อนเมฆ เบาหวิว ที่ล่องลอยไปยังที่ต่างๆของโลก เราซึมซับเรื่องราวของผืนแผ่นดินและฟ้าเอาไว้ในการเดินทาง ปุยนุ่นสีขาวคือร่างกายของเราที่เคลื่อนไหวไปตามกระลมที่พัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปอย่างไม่มีที่สุดสิ้น
และเราก็เป็นหยาดฝนหยาดแรกของฤดูฝน สดใสเป็นประกาย สะท้อนระยับแดดสีทองบนท้องฟ้า เรานำพาเอาความชุ่มชื่นมาฝากผืนแผ่นดิน ยามร่วงหล่นลงมาจากฟ้า เราทักทายกับยอดไม้ที่เหยียดยืนเสียดฟ้า รอคอยการมาถึงของเรา เมื่อถึงพื้นดิน เราก็เริ่มการเดินทางของหยาดน้ำ ร่วมกับหยดน้ำหยดอื่นๆ รวมกันเป็นสายธารน้อยๆ ที่ค่อยๆไหลรินไปหลอมรวมกับสายธารอื่นๆเป็นแม่น้ำ พอเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ขึ้น การเดินทางเราก็ค่อยเป็นค่อยไปอย่างไม่รีบร้อน ในคืนอันสงบ ดวงจันทร์จะโผล่มาทักทาย และขอใช้ความเรียบใสของเราแทนกระจกเพื่อเผยความงามของตน
เรายังเคยเป็นก้อนหินและเม็ดทรายที่นอนแน่นิ่ง สะดับฟังเรื่องราวของผืนดินและดวงดาวอย่างหลงไหล เก็บเกี่ยวตำนานแห่งการแปรเปลี่ยนของผืนพิภพและการก่อเกิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
ตอนนี้ เราจะย้อนรอยกลับไปยังจุดกำเนิดของเรา นั่นคือความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ เราคือความว่างเปล่านี้ ก่อนที่จะเกิดสรรพสิ่งใดๆ ก่อนที่จะมีดวงตะวันและดวงดาวทั้งหลาย เราคือสุญญากาศที่ลอยเคว้งคว้างท่ามกลางความมืดมิดแห่งจักรวาล และรอคอยการเกิดขึ้นของสิ่งทั้งหลาย เราคือความว่างเปล่านี้ และความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่นี้ยังคงดำรงอยู่ในเรา ทั้งในร่างกายและจิตใจ เป็นทั้งหมดแห่งปัจจุบันขณะที่ดำเนินมาในลมหายใจเข้าออกนี้.
No comments:
Post a Comment