Monday, October 8

เสียงเพรียกจากอนาคต

เมื่อเรามีจิตที่ว่างพอ ไร้ความคาดหวัง ไร้ความพยายาม
แล้วจึงได้ยินเสียงเพรียกจากอนาคต
กระทำการจากพลังอันบริสุทธิ์ทั้ง ๕ ในกายขับเคลื่อนแผ่วเบา

เมื่อเสียงแห่งความกลัว วิตกกังวลถึงตัวเองเบาบางลง
เราอาจจะได้ยินเสียงเพรียกหาจากอนาคต
เป็นเสียงเชิญชวนให้กระทำการเพื่อเติมเต็มและหล่อเลี้ยงสมบูรณภาพของชีวิต
ที่ไม่แยกส่วนโดดเดี่ยวอยู่ในเกราะกำบังตัวตนอันคับแคบอีกต่อไป

สมองส่วนหน้ากับอนาคตที่เคลื่อนเข้ามาหาเรา
ณ สัมผัสแห่งปัจจุบันอันสมบูรณ์ ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างอดีตและอนาคต
ความเชื่อมรวมอันรื่นรมย์กับสรรพสิ่งก่อกำเนิดห้วงขณะใหม่ที่สดชัด
ราวน้ำค้างหยาดเยิ้มบนกอหญ้ายามอรุณรุ่ง

เงี่ยฟังเสียงเพรียกจากอนาคตแว่วกังวาลจากภายใน
ก่อแรงบันดาลใจให้ขยับไหว เคลื่อนคล้อยไปตามฤดูกาลที่ผ่านเปลี่ยน
เรียบง่ายราวเม็ดทรายที่รายลาดบนผืนหาด
ที่แผ่นดินและมหาสมุทรมาบรรจบ บรรจงจุมพิสสนิทแนบ

3 comments:

Anonymous said...

เมื่อยน่องครับวันนี้
คิดไปคิดมา น่าจะมาจากการรำไท้เก็กสองวันที่ระเบียงไพรแวลเลย์ นครนายก เมื่อ ๑๓-๑๕ ธ.ค. ครับ

ดีใจที่ได้เข้า สุนทรียสนทนา

ดีใจที่เข้าใกล้วงน้ำชามากขึ้น

ดีใจที่ได้เจอกระบวนกรทุกท่าน และอ้าแขนรับเราอย่างจริงใจ ไม่ค่อยเห็นผู้ใหญ่แบบนี้มานานแล้วครับ

ดีใจที่ได้เป็นคนโง่ที่สุดในวงสนทนา ชอบครับ
ชีวิตนี้มีเรื่องให้เรียนรู้อีกเยอะครับ

ชอบคำว่า Coincidence ที่พวกผมเคยเรียก ธรรมจัดสรร
หากเราไม่ทำกรรมร่วมกันมา คงไม่ได้เจอกัน
เมื่อได้เจอกัน ก็คิดต่อว่าจะทำอะไร

ดีใจที่ได้ฟื้นเด็กน้อยขึ้นมาอีกครั้ง ฝันวัยเยาว์งดงามเสมอครับ

ดีใจที่ได้พบกัลยาณมิตรทุกท่าน

การเจอครั้งนี้ มีคำหนึ่งผุดขึ้นมาว่า "ผมทำได้ครับ"

PaolaDM said...

Greets, where about are you based? CR?
all these posts are in Thai, I dont understand them! lets meet!

Anonymous said...

เช้านี้ มีเวลาให้กับ การนั่งสมาธิแบบง่ายๆ อยู่กับลมหายใจ รู้สึกไปกับการที่ลมผ่านจมูก รู้สึกกับร่างกาย ฟังเสียงของกล้ามเนื้อแต่ละส่วน การเริ่มกลับมาฟังเสียงร่างกายช่วยให้เรารับรู้มันได้มากขึ้น และหากเราได้สัมผัสมากๆทุกๆวัน เราคงได้ยินความต้องการของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเสียงจากภายนอก