Monday, January 26

สนทนาเทวาน้อยๆ

 

 

 


สนทนาเทวาน้อยแห่งนม

เยเช "เออ..นี่ โมโม่ มาคุยกันหน่อยสิ ไม่ได้เจอกันซะหลายวันเลย เป็นงัยบ้าง"

โมโม่ "ก็ดีนะ ช่วงนี้อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ดี เมื่อเช้าเสิร์ฟนมให้ สายๆ อาหารว่างก็นม เมื่อเที่ยงนี้ก็นม ของเธอล่ะเป็นงัย"

เยเช "ดีจัง ของเรา ช่วงนี้ก็นมทุกมื้อแหล่ะ พวกผู้หญิงโตๆเขาพูดกันซะหนาหูว่าต้องรักษาหุ่น เราว่าใช้ไม่ได้สำหรับเราว่ะ"

โมโม่ "นมแก้ปัญหาได้ทุกอย่างแหล่ะ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความหิวโหย ปัญหาปากท้อง
อารมณ์ หรืออาการเซ็งการเมือง นมแม่แก้ได้ทุกอย่าง"

เยเช "เราว่าน่าจะแก้ปัญหาจิตวิญญาณของคนยุคนี้ด้วยนะ พ่อพวกเราน่าจะพาคนภาวนาด้วยนมล่ะ"

โมโม่ "เห็นด้วยๆ ทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยนมแม่จริงๆ"

....วันนี้คุณดื่มนมแม่หรือยัง...

อืม มาปะลองกำลังนมกันหน่อยไหม ใครแตะตัวอีกฝ่ายได้ก่อนชนะนะ
เอา อึ๊บ อุ๊บ ตุบตับ อ้าว ชนะทั้งคู่...

Posted by Picasa

Saturday, January 24

จิตตปัญญา...จ๊าบๆ

 

 

 

 


เมื่อสิ้นปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสร่วมทีมกับตั้ม วิจักขณ์ พานิช และอ.ฌานเดช พ่วงจีน ในการทำกระบวนการเรียนรู้แบบจิตตปัญญาศึกษาให้กับกลุ่มแกนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา สิ่งที่น่าประทับใจมากคือการได้มองเห็นประกายไฟแห่งการเรียนรู้ได้ปะทุขึ้นจากการได้ค้นพบตัวเองและค้นพบมิตรภาพที่ดีงาม หลังจากกลับจากงานสัมนา ๓ วันที่สวนสายน้ำ ก็มีการจัดกิจกรรมพบกลุ่มกันอย่างต่อเนื่องเพื่อดำรงวิถีทางของมิตรภาพที่หล่อเลี้ยงกระบวนการเรียนรู้ด้วยใจที่ใคร่ครวญในหมู่นักศึกษาที่เข้าร่วม

เนื่องจากการเรียนรู้นั้นทำให้เกิดการยอมรับและชื่นชมในความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด ที่ไปที่มาของชีวิต ความเชื่อ โลกภายในของแต่ละคนที่เปิดรับโลกของผู้อื่นก็ขยายใหญ่ขึ้น ไม่คับแคบอีกต่อไป เมื่อเรื่องราวของแต่ละคนไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าตำนานอันยิ่งใหญ่ที่ร่ำเรียนกันมาในสังคม ผู้เรียนจึงสำนึกถึงคุณค่าของตนและรากเหง้าของชีวิต และยังรับรู้สถานภาพของการเป็นผู้สร้างสรรค์เรื่องเล่า ตำนาน โลกที่ตนปรารถนาได้บนฐานของความอ่อนน้อมถ่อมตน

นับว่าเป็นข่าวดีที่ได้เห็นความริเริ่มจากนักศึกษาเองที่มองเห็นประโยชน์ของจิตตปัญญาศึกษา Contemplative Education
และนี่ก็ถือได้ว่าเป็นประกายของความหวังที่คนรุ่นใหม่จะกลับมาสนใจเรื่องของตัวเองและโลกอย่างตื่นรู้ซื่อตรง อันเป็นแนวทางดั้งเดิมของการศึกษา เพื่อเติมเต็มความศักยภาพของมนุษย์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องอิงรูปแบบ ความเชื่อหรือภาษาเป็นของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เพราะในยุคสมัยที่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมกำลังเรียกร้องให้สังคมตื่นจากความเป็นพวกพ้องนิยมหรือศาสนนิยมมาสู่พื้นที่ร่วมของประสบการณ์ในความเป็นมนุษย์ การพัฒนาทางจิตวิญญาณก็ยิ่งต้องการวิถีทางที่หลากหลายในการเข้าถึงความแตกต่างหลากหลาย โดยเฉพาะวิธีการที่ไม่จำกัดตัวเองอยู่เพียงแค่วิธีการหรือชุดภาษาใดชุดภาษาหนึ่งเท่านั้น

แม้กระนั้น ผมก็ไม่ได้ต้องการให้ชาวพุทธเลิกละการใช้ศัพท์แสงแบบพุทธๆ เช่น สติ ศีล สมาธิ ปัญญา แต่เนื่องจากว่าบ้านเราเป็นสังคมพุทธ ที่มีชาวพุทธเป็นเสียงส่วนใหญ่ ทำอย่างไรเราจึงจะมีภาษาหรือการอธิบายแบบอื่นๆที่ทำให้ผู้ปฏิบัติในแนวความเชื่ออื่นๆได้แบ่งปันประสบการณ์ตรงของชีวิตได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะตัวประสบการณ์ตรงนี้ต่างหากที่มีคุณค่าในการแบ่งปันและเรียนรู้ ตัวภาษาเป็นเพียงเครื่องมือในการอธิบายประสบการณ์ของชีวิตเหล่านี้

แม้แต่คำว่า contemplative education เองก็มีความหมายที่ไม่มีนัยยะของศาสนา หากเป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วยการใคร่ครวญอย่างแยบคาย เป็นการน้อมรับประสบการณ์ชีวิตและกระบวนการเรียนรู้เข้ามาตน เพราะคำฝรั่งคำนี้ก็เกิดขึ้นมาในสังคมที่ต้องการรับมือกับความหลากหลายในการพัฒนาจิตวิญญาณที่มีอยู่ในสังคมตะวันตก แม้แต่ในชุมชนวิทยาศาสตร์เองก็มีวิถีของการใคร่ครวญ ทบทวน สืบค้นเพื่อความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งลงไปเกี่ยวกับชีวิตและจักรวาล

ยิ่งในช่วงนี้เราจะเห็นว่ามีกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาจำนวนไม่น้อยที่กำลังได้รับความนิยม เพราะเข้าถึงได้ง่าย และช่วยทำให้เกิดความเข้าใจในตนเองได้อย่างง่าย ไม่ว่าจะเป็นนพลักษณ์ ศิลปบำบัด การสร้างสรรค์ชุมชน การสื่อสารอย่างสันติ การเป็นคนกลาง สุนทรียสนทนา การเตรียมตัวตายอย่างมีสติ สัมผัสพลังแห่งการตื่นรู้ เป็นต้น

ทั้งนี้ ผมยังคิดมรดกในศาสตร์และศิลป์ว่าด้วยการพัฒนาด้านจิตวิญญาณของบ้านเรานั้นมีรากฐานที่มั่นคงหนักแน่นในสายของพระอริยเจ้าที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในสายวัดป่าต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปอย่างไม่โฆษณาตัวเองตามส่วนต่างๆของประเทศ และยังคงเป็นที่พึ่งให้กับผู้ที่สนใจในด้านนี้ ดังที่ผมได้รับฟังเรื่องเล่าของอ.ประภาภัทธ นิยม ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยอาศรมศิลป์ ที่ได้การเดินทางไปแสวงหาและเรียนรู้กับพระอริยะถึง ๑๕ รูปในภาคอิสาน

อย่างไรก็ตาม สำหรับบริบทของสังคมที่รวดเร็วและหลากหลายนี้ ผมคิดว่าการสร้างสรรค์ทางเข้าสู่การฝึกตนหรือการเรียนรู้ด้านในที่หลากหลายหนทางยังคงมีความสำคัญไม่น้อย

Posted by Picasa

ครอบครัวพ่อแม่

 



ในสิ่งที่เราแคร์ที่สุด ห่วงใยและใส่ใจที่สุด เราจะค้นพบพลังของความเปราะบางและศักยภาพแห่งการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง
เพราะความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างพ่อแม่ลูก เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวและส่งผลต่อความสุขความทุกข์ของผู้คนจำนวนมาก (แม้จะไม่ใช่ทุกคน)

เมื่อพ่อแม่ได้มาหันหน้าเข้าหากัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของการเลี้ยงดูลูก และหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ตัว
บรรยากาศการอยู่ร่วมกันจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกของหัวใจ เมื่อเราสัมผัสถึงความเปราะบางที่มีอยู่ภายในตัวเราทุกคน เราก็จะสามารถสัมผัสและสื่อสารกับความเปราะบางที่อยู่ในตัวลูกของเราและคนรักของเราด้วย

สิ่งเหล่านี้เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ ทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกันและกันอย่างกรุณา ไม่เบียดเบียน ทำร้าย
เพราะเราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนปรารถนาที่จะช่วยเหลือให้คนที่เขารักมีชีวิตที่เป็นสุข หากเขาสามารถรับรู้ความต้องการหรือ
ความปรารถนาที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ เขาย่อมสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือในการเติมเต็มความปรารถนานั้นให้เป็นจริงได้

โรงเรียนพ่อแม่ เพลินพัฒนา ครั้งที่ ๓ ได้จัดไปในช่วง ๑๙-๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับจากคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างดี ในยุคที่ตำราการเลี้ยงลูกให้เก่ง ดี ฉลาด นั้นเต็มหิ้งร้านหนังสือ การกลับมาเอาลูกและเราเป็นหนังสือเล่มหลักบนพื้นฐานของความไว้วางใจในศักยภาพการเรียนรู้และ การพัฒนาตัวเองตลอดเวลาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ นับเป็นเรื่องที่สำคัญและท้าทายอย่างยิ่ง

ครั้งต่อไป จะมีการจัด รร.พ่อแม่ สำหรับบุคคลทั่วไป ในวันที่ ๓๑-๑ ก.พ. ๒๕๕๒ นี้ ที่ห้องประชุม ชั้น ๒ บ้านพักคริสเตียน ศาลาแดง ๒ สีลม สนใจติดต่อได้ที่ ครูณา 081-813-5195
Posted by Picasa

Thursday, January 15

อำลาคุณปู่แห่งขุนเขา

 


คุณปู่แห่งขุนเขา Arne Naess จากเราไปเมื่อวานนี้ คุณปู่เนสคนนี้เป็นนักปรัชญาชาวนอร์เว แกเป็นคนชอบป่ายปีนเขาและรักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ
เป็นอาจารย์สอนทางปรัชญาที่จบปริญญาเอกด้านปรัชญาที่มหาวิทยาลัยออสโล นอร์เว ตอนอายุเพียง ๒๗ ปี
เขาได้รับแรงบันดาลใจจากการสัมผัสกับธรรมชาติและเป็นผู้ริเริ่มใช้คำว่า นิเวศวิทยาแนวลึก (Deep Ecology)
คนหนุ่มสาวมักจะชอบมาพบปะพูดคุยกับคุณปู่อย่างเป็นกันเองตามร้านกาแฟ ในช่วงที่ท่านเดินลงมาในเมือง จากบ้านพักบนเขา
นิเวศวิทยาแนวลึก มองว่าธรรมชาติไม่ได้เป็นเพียงทรัพยากรที่ตอบสนองความต้องการที่ไม่จบสิ้นของสังคมมนุษย์ หากเป็นโลกแห่งชีวิตที่มีคุณค่าและปัญญาในตัวเองที่ยังคงวิวัฒนาการสืบต่อไป และตัวเราเองที่เป็นมนุษย์ก็เป็นผลลัพธ์หนึ่งของกระบวนวิวัฒนาการที่สลับซับซ้อนในความหลากหลายทางชีวภาพนี้
ในมุมมองของคุณปู่เนส ถือว่าในระบบนิเวศทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเอง (แม้ไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจก็ตาม) ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นธุลี หรือ ไม้เนื้อแข็งราคาดี ต่างมีคุณค่าต่อกันและกัน
แต่ก็ไม่ได้มองอย่างสุดโต่งว่ามนุษย์ไม่ควรหยิบยืมหรือแสดงหาที่พึงจากธรรมชาติในการพัฒนาสังคมเมือง แต่พึงมองเห็นธรรมชาติว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีเงื่อนไขจำกัด
มุมมองนิเวศวิทยาแนวลึกได้กระตุกกระตุ้นให้เราได้กลับมาคิดว่าถ้าเราไม่เอาอารธรรมมของมนุษย์เป็นศูนย์กลางอีกต่อไป แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทั้งหมด
เราอาจต้องจำกัดการพัฒนาให้อยู่ในปริมาณที่ไม่ทำร้ายกันและกัน ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นก็จำต้องแสวงหาคำตอบนี้ให้กับตนเอง
ผมขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของดวงวิญญาณอันเก่าแก่ที่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเสียงและสิทธิ์ของชุมชนแห่งธรรมชาติ
และขอให้ท่านพบกับสันติภาพในหนทางสู่ชีวิตเบื้องหน้าด้วยเทอญ
Posted by Picasa

Tuesday, January 13

กลมกล่อมตัวน้อยๆ

 


กายใจในตัวนิ่มเป็นหนึ่งเดียว
เฝ้าสะท้อนกลมเกลียวกับโลกา
ไม่แบ่งแยกตัดส่วนด้วยภาษา
เป็นเทวาตัวน้อยๆให้เชยชม
Posted by Picasa

Thursday, January 8

รำพึงมากับลมฝน

25 ธค.51
โดย นารีแดง

ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน นั่งมองสายฝนฟุ้งขาวพรมใบไม้ใบหญ้าและฉากอาคารเบื้องหน้า
สวย สดชื่น ไม่ชัดตา
บางครั้งความแจ่มชัดก็ทำให้เรารู้สึกถึงความสวยอีกแบบ อบอุ่นใจไปอีกแบบ
แต่ความไม่ชัด ในขณะนี้ เวลานี้ ก็สวยดี
ไอฝนอาจจะทำให้เราเหน็บหนาวและไม่มั่นคงอยู่บ้าง แต่จะเป็นไรไป
จะเป็นไรไป...ใช่ไหม


I do in love with life…เรากำลังลุ่มหลงในชีวิต
ลองค่อยๆขยับขยายหัวใจให้กว้าง แล้วจะไม่มีอะไรที่เรารับไม่ได้ ไม่มีอะไรน่ากลัวเกินไปสำหรับใจ
คนเราเป็นโลก โลกหนึ่งเสมอ อยู่ที่ว่าในโลกใบนั้น เราบรรจุอะไร แล้วเราเปิดรับอะไร
ที่ผ่านมา โลกของเรามีอะไรบรรจุ อัดแน่นเสียจนเต็ม เต็มไปด้วยแรงใฝ่ฝันปรารถนา เต็มไปด้วยความคาดหวังนานา เมื่อเราลองขยับขยายพื้นที่ของใจ พื้นที่ในโลกใบหนึ่งนี้ดู เราพบว่ามันมีอะไรเพิ่มเติมขึ้นได้ รับอะไรเพิ่มได้มากมายยิ่งนัก

รับคำติฉินนินทาก็ได้ รับความเห็นข้อแนะนำที่บั่นทอนกำลังใจ ความเห็นที่ดูสวนทางและตัดรอนความหวังของเราได้ รับความหวาดระแวงแคลงใจ และความไม่พึงพอใจ ได้ทั้งสิ้น

รับนะคะ รับและดูด้วยความใส่ใจ พิจารณาและวางลงไป
ไม่จำเป็นที่ต้องกักเก็บ ไม่จำเป็นที่ต้องกอดรัดมันไว้
แต่ก็อย่าละเลย เมินเฉย หรือปิดประตูใส่

โลกใบนี้จะได้มีอะไรที่หลากหลาย มีวัชพืช มีแบคทีเรีย มีไส้เดือนและหนอนน้อยที่ช่วยให้ชีวิตอื่นได้สมดุล
ดอกไม้งามได้อย่างไร หากปราศจากมูลสัตว์และแดดจ้า
ดวงตาจักรับรู้เพียงแสงแดดโดยไม่รู้จักเงาทาบทาได้ กระนั้นหรือ

ชีวิตในอุดมคติ

เครือข่ายโ ร ง เ รี ย น พ่ อ แ ม่

ชี วิ ต ใ น อุ ด ม ค ติ


โดย พระไพศาล วิสาโล และทีมงานเครือข่ายโรงเรียนพ่อแม่

๒๐-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ณ สวนธรรมหาดเสลา อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์
ด้วยความสนับสนุนจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์

มนุษย์เกิดมาด้วยหน้าที่หลากหลายต่างกัน แต่ละผู้คนเลือกหนทางในการดำเนินชีวิตต่าง ๆ นานา ตามบทบาทหน้าที่ของตนบ้าง หรือหลงลืมบทบาทหน้าที่ของตนบ้าง หรือไม่คิดถึงเป้าหมายใด ๆ ของชีวิตเลย จะอย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้ายการเดินทางของชีวิตก็มุ่งสู่ความสุขที่แต่ละผู้คนคิดหวังไว้กับชีวิตว่า เขาและเธอต้องการความสุขเยี่ยงไรในชีวิตของตน มีหลาย ๆ คนที่ค้นพบวิถีแห่งการดำเนินชีวิตที่นำพาตนไปสู่ ชีวิตในอุดมคติ ได้ แต่ยังมีอีกมากมายนั้นที่ยังไม่ค้นพบหรืออาจไม่เคยเฝ้าหาคำตอบให้กับตนเอง มักมีคนตั้งคำถามว่า “คนเราเกิดมาทำไม ชีวิตมนุษย์ มีความหมายหรือไม่ อะไรคือคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์ ทำอย่างไร เราจึงจะดำรงชีวิตอย่างมีความหมายและสมศักดิ์ศรีที่เกิดมาเป็นมนุษย์” แต่มีสักกี่คนที่เฝ้าคนหาคำตอบให้กับตัวเอง

การค้นหาองค์ความรู้ เรียนรู้กับชีวิต ตระหนักรู้ในจิตของตน ช่วยให้เรารู้จักตัวเอง ไม่ให้หลงออกนอกทางซึ่งเป็นการเกื้อกูลในการแสวงหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของเราเป็นไปในทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เข้าสู่ความเป็นมนุษย์ยิ่งๆขึ้นไป

เครือข่ายโรงเรียนพ่อแม่จึงขอเชิญชวนท่านมาร่วมค้นหาความหมายของการดำรงชีวิต เรียนรู้ถึงการเชื่อมโยงของสรรพสิ่งในธรรมชาติที่ส่งผลกระทบในปัจจุบัน รวมทั้งการหาความสมดุลที่เกิดจากสิ่งรอบข้างและข้อควรในการปฏิบัติที่จะค้นหาความหมายที่แท้จริงของชีวิตเพื่อไปให้ถึงชีวิตในอุดมคติ ผ่านการฝึกฝนสมาธิภาวนา เพื่อจิตใจที่เป็นอิสระ สงบ เบิกบานและเกิดปัญญา

อัตราค่าลงทะเบียน ๑,๔๙๐ บาท (รวม ค่าอาหาร และ ค่าที่พักแล้ว)
(จากปกติ ๔,๒๐๐ บาท แต่ได้รับทุนสนับสนุนบางส่วนจาก อบจ.นครสวรรค์)


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสมัครได้ที่
เครือข่ายโรงเรียนพ่อแม่ ติดต่อ
คุณอ้อ ๐๘๙-๔๓๙-๘๕๕๐ หรือ คุณหมวย ๐๘๑-๖๗๕-๔๗๔๙