การเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง...เป็นเรื่องเดียวกัน
มนุษย์จะเรียนรู้อย่างไรให้อยู่รอดจากการทำร้ายล้างผลาญกันเองและจากมหันตภัยของระบบนิเวศน์ นี่ดูจะเป็นโจทย์สำคัญในยุคปัจจุบัน เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรในความแตกต่างและหลากหลาย กิจกรรมการเรียนรู้อะไรที่จะสามารถช่วยยกระดับจิตสำนึกจากการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มาสู่การมองเห็นคุณค่าของคนอื่นๆ และธรรมชาติ
ในยุคที่สังคมมีความมั่งคั่งทางวัตถุเทคโนโลยีและความสะดวกสบายของชีวิต จิตวิญญาณของมนุษย์ดูกลับจะโดดเดี่ยว เหี่ยวเฉา หรือไม่ก็บ้าคลั่ง พลังกระจัดกระจาย ไร้ทิศทาง ดูเหมือนว่าสังคมไทยกำลังต้องการการเรียนรู้ทางจิตใจ ในยุคที่คำว่า จิตวิญญาณ กำลังเป็นที่นิยม ที่ไม่ได้หมายความถึงภูตผีปีศาจ แต่หมายถึงขวัญและพลังชีวิตของคน แต่น่าเสียดายที่ทั้งวัดและโรงเรียนที่มีหน้าที่ให้การศึกษาแก่เยาวชนเพื่อเข้าถึงความเป็นมนุษย์ของตนเอง กลับไม่สามารถกระทำภารกิจที่สำคัญยิ่งนี้ได้ดีนัก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เพราะความรุนแรง ความเกลียดและกลัวแพร่ขยายอยู่ในสังคม อัตราการฆ่าตัวตายในหมู่เยาวชนสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย ยิ่งโรงเรียนบังคับให้นักเรียนไหว้พระสวดมนต์และท่องหลักศีลธรรมก็ยิ่งกลับทำให้เยาวชนห่างไกลจากศีลธรรมบนฐานของหัวใจที่กรุณาอย่างจริงแท้เข้าไปทุกที
กระบวนการเรียนรู้ที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอ เป็นความรู้เชิงกระบวนการชุดหนึ่งที่ช่วยเปิดโอกาสการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการมองเห็นตัวตนและเปลี่ยนแปลงแบบแผนความคิด ทัศนคติและพฤติกรรม รวมทั้งการดูแลความสัมพันธ์ที่ตนเองมีต่อผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม ดังที่ตอนนี้การเรียนรู้ในแนวนี้เริ่มเป็นที่สนใจและมีพัฒนาการที่หลากหลายทั้งในต่างประเทศและในสังคมไทย มีชื่อเรียกต่างๆ เช่น การเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) จิตตปัญญาศึกษา(Contemplative Education) สุนทรียสนทนา(Dialogue) การศึกษาบนฐานของจิตวิญญาณ (Spiritual Education) เป็นต้น
ทั้งนี้ การเรียนรู้เป็นธรรมชาติของชีวิต แต่ชีวิตเรียนรู้อย่างไรเป็นสิ่งที่จำต้องทำความเข้าใจ ไม่เช่นนั้น เราจะยัดเยียดการเรียนรู้หรือไม่ก็ปล่อยปละละเลยโดยอ้างว่าเอานักเรียนเป็นศูนย์กลางไปเสียอย่างนั้น
ประการแรก ธรรมชาติอันหนึ่งที่ชีวิตมีนั่นคือ ชีวิตเรียนรู้ตลอดเวลาอย่างเป็นองค์กรจัดการตัวเอง โดยจะเลือกเรียนตามที่สนใจหรือไม่ก็เพื่อความอยู่รอด การบังคับและการตั้งเงื่อนไขของการลงโทษหรือให้รางวัล ทำให้ผู้เรียนเรียนรู้เพียงเพื่อ “ผ่าน” แต่ยังไม่ได้เรียนรู้จากความรักหรือผูกพันของตัวเอง ทำอย่างไรที่การเรียนการสอนจะเป็นการเชื้อเชิญและเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทดลอง และค้นหาแรงบันดาลใจ ให้ความสำคัญกับสภาวะจิตใจของผู้เรียนไปพร้อมกับเนื้อหาหรือเรื่องราวที่กำลังเรียน รวมถึงความรักที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจด้วย
ประการที่สอง ชีวิตดำรงอยู่ในความสัมพันธ์เสมอ เราไม่เคยสามารถแยกตัวเองจากคนอื่นหรือสิ่งอื่นได้ ดังนั้นความรู้จึงเป็นสิ่งที่เกิดจากการที่มีสัมพันธ์กับสิ่งที่เราเรียนรู้ การสร้างความรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ในเชิงลึกเช่นนี้
ประการที่สาม มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างความหมาย ตีความ ให้เรื่องราวหรือคำอธิบายต่อโลกหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ความเข้าใจในเรื่องใดๆก็ตามจะดำรงอยู่ก็ในความหมาย บทสนทนา การพูดคุย ความคิดของผู้คน ซึ่งล้วนเป็นเสมือนโลกภายในของแต่ละคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย การเรียนรู้เชิงลึกจะเมื่อผู้คนเข้าไปเห็นโลกภายใจของตัวเอง และรับรู้เรื่องราวหรือการตีความของกันและกัน
ประการที่สี่ การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ตรง ที่ต่างจากความรู้เชิงแนวคิด ทฤษฎี และประสบการณ์ตรงนี้เองที่มั่งคั่งร่ำรวยในเนื้อหาสาระที่มิอาจถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือแนวคิดได้ทั้งหมด ดังนั้น เราจำต้องสังวรณ์เสมอว่าความรู้จำนวนมากดำรงอยู่ในประสบการณ์ตรงของผู้เรียนมากกว่าอยู่ในหนังสือหรือคำบอกเล่า เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะให้คุณค่าทั้งความรู้ที่เผยปรากฎในคำอธิบาย (explicit knowledge) และความรู้ที่แฝงเร้นในจิตไร้สำนึก (tacit knowledge) ในการสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เราจะให้คุณค่าทั้งตัวผู้เรียนร ความรู้สึก อารมณ์ ความคิด สิ่งที่แสดงออกผ่านการพูดและผ่านใบหน้าท่าทาง สิ่งที่สื่อสารออกมาไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ล้วนเป็นความรู้ในความหมายนี้ทั้งสิ้น
ประการที่ห้า พาร์คเกอร์ พาล์เมอร์ เป็นนักการศึกษาชาวอเมริกัน เขาเขียนหนังสือชื่อ The Courage to Teach (กล้าสอน) สิ่งที่สำคัญในการสอน ไม่ใช่เทคนิค วิธีการ หรือความรู้ แต่คือตัวตนของผู้สอน(Identity) และความจริงแท้ต่อตัวเอง(Integrity) ความจริงแท้ต่อตนเองต่างจากความถูกถูกต้องสมบูรณ์แบบ(ที่ไม่มีอยู่จริง) เพราะความจริงแท้นั้นคือการยอมรับตัวเองทั้งด้านบวกและลบ ซึ่งก่อให้เกิดการเชื่อมสัมพันธ์ที่เรียนรู้ ที่ไม่ปกป้องตัวเองหรือการเสแสร้งสร้างภาพ เพื่อให้ดูดี ถูกต้อง เหมาะสม สมบูรณ์ มีค่า (ที่เราต่างชำนาญ) ในฐานะครู หรือคนที่ทำหน้าที่ก่อการเรียนรู้นั้น มันไม่สำคัญว่าเราสามารถทำอะไร ด้วยเทคนิควิธีการอย่างไร แต่อยู่ในว่าเราทำด้วยหัวใจหรือภาวะในตนเช่นไร ยิ่งในสมัยนี้ที่เครื่องไม้เครื่องมือในการสอนและเรียนรู้มีมากมาย จนบางทีเราลืมไปว่าใครเป็นผู้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ต่างหาก
ประการที่หก การเรียนสามารถเลื่อนไหลผ่านการเล่น ความสุขและความผ่อนคลาย โดยไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียด หนักหัว เพราะเมื่อผู้เรียนสามารถผ่อนคลาย การเรียนรู้จะเกิดขึ้นในระดับจิตใต้สำนึก สามารถสืบค้นเข้าไปสู่พรมแดนของความไม่รู้ หรือพรมแดนของความรู้ใหม่ มากกว่ากรอบแนวคิดเดิมๆที่เก่าและมาจากอดีตเท่านั้น นอกจากนี้แม้ในอารมณ์อื่นๆ เช่น เหงา เศร้า โกรธ อึดอัด หรืออารมณ์ที่ดูจะลบๆทั้งหลาย การเรียนรู้ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเฝ้ามองดูตัวเองของผู้เรียนเป็นสำคัญ
ประการสุดท้าย ผมคิดว่ากระบวนการเรียนรู้ที่จะช่วยให้จิตวิญญาณมนุษย์งอกงามนั้นจะเกิดขึ้นมาอีกมากมายและหลากหลาย โดยหนังสือเล่มนี้ ที่ผู้จัดทำ คือธนัญธร เปรมใจชื่นและทีมงาน เป็นผู้มีความชำนาญในการจัดกระบวนการเรียนรู้แนวลึกเช่นนี้ด้วยแล้ว น่าจะช่วยจุดประกายจิตคุรุทั้งหลายที่ปรารถนาที่จะสร้างสรรค์ระบบการศึกษาของสังคมไทยให้มีอิสระจากแนวคิดทางวัตถุนิยม การแก่งแย่งแข่งขันและความรุนแรงในทางจิตใจยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ